15 December 2013

ชีวิตเด็กแบรนด์เนม ตอน เคทที่ ชะนี แบบนี้ก็มีด้วย

หากวันไหนที่ออร่าหยุดไม่มาทำงาน มีแค่ บ.ก เคทที่ และปีเตอร์ วันนั้นมันคือสวรรค์ชัดๆ ร้านเป็นของเรา ฮ่า ฮ่า ฮ่า เราจะขายของกันอย่างสบายใจเฉิบ ไม่ต้องมาคอยระวังรังสีอัมหิต และยอดขายของวันนั้นจะดีผิดปรกติ อาจเป็นไปได้ว่าแรงกดดันและบรรยากาศในการทำงานในวันนั้นผ่อนคลาย ความเครียดลดลงทำให้เราทำงานได้ดีขึ้น แต่ต้องออกตัวก่อนถึงแม้ว่าพวกเราจะทำงานกันอย่างสบายจิตสบายใจแต่เราก็ยังคงรักษามาตราฐานการบริการของแบรนด์ไว้ไม่เปลี่ยนแปลง อาทิตย์ก่อนออร่ามาบ่นเปรยๆให้พวกเราฟังว่าอยู่ดีๆบัตรเครดิตก็มาชารจ์เงินเธอทั้งที่เธอไม่ได้ใช้ ชีโทรไปคุยแล้วตั้งหลายรอบแต่บัตรเครดิตก็ยืนยันว่าใช้จนชีเริ่มมีน้าโห

"เออเห็นออร่ามันโทรไปด่าบัตรเครดิตอยู" ปีเตอร์จีบปากจีบคอพูด พลางจับหน้าขาวอมชมพูของตัวเอง
"เหรอ น้องไม่รู้อะ น้องหยุด อะไรเหรอ" บ.ก ไม่รู้เรื่องเพราะว่าไม่อยู่ในเหตุการณ์
"ออร่าบอกว่าอยู่ดีๆ ก็โดนชารจ์บัตรเครดิต ไม่รู้ใครแอบเอาของชีไปใช้หรือป่าว" เคทที่รายงาน ที่ร้านเรามีกฎอยู่ว่า ถ้าไม่อยากให้เรื่องแพร่งพราย ความลับทั้งหลายแหล่ในชีวิต อย่าบอกให้เคทที่รู้ เพราะชีชอบเล่าให้คนอื่นฟังด้วย เรียกง่ายๆคือชีเอาไปเม้าท์ต่อ ถึงแม้ไม่มีพิษมีภัย แต่บางทีเพื่อนที่ขายกระเป๋าอยู่อีกสามร้านถัดไปอาจจะรู้เรื่องของเราได้ ชีสาระแนจริงๆ
ช่วงกลางวันค่อนไปทางบ่ายหลังจากที่พวกเราพลัดกันไปกินข้าวในห้องช่างพวกเราออกมายืนคอยลูกค้าและจับกลุ่มเม้าท์กันตามประสา
"ปวดฉี่วะ เดี๋ยวรับเทริน์ก่อนค่อยไป เออตกลงไม่รู้ออร่ามันต้องจ่ายป่าวนี่ค่าบัตรเครดิต" เคทที่เปิดประเด็น ปีเตอร์ยืนเฉยพลางเอามือปัดกระหม่อมจัดทรงผมที่จัดกี่ทีก็จะเป็นทรงเดิม ปีเตอร์มีความสามารถพิเศษในการล้อเลียนเสียงและท่าทางคนอื่นได้ชนิดเหมือนจนน่าตกใจ ดูตลกขบขัน โปกฮาและน่าสมเพชในเวลาเดียวกัน
"วันนั้นฉันเห็นออร่ามันมาก้มๆเงยๆคุยโทรศัพท์ด่ากับบัตรเครดิตอยู่ตรงเคาเตอร์นี้" พูดเสร็จปีเตอร์ก็ย่อตัวลงไปคว้าโทรศัพท์ กรีดกรายมือที่ใหญ่เท่าใบพายเอาโทรศัพท์มาจ่อที่ปาก
"กูบอกว่ากูไม่ได้ใช้ไง! ให้กูถือสายรออยู่นั้นหละ" ปีเตอร์เลียนแบบอ่อรา ดูคล้ายตุ๊ดวิกลจริต บ.ก และเคทที่หัวเราะกันท้องแข็ง
"ก็บอกว่าไม่ได้ใช้ไง ฉันอยู่คนเดียว ใครจะเอาบัตรฉันไปใช้ได้" ปีเตอร์ยังไม่หยุด ทำท่าดัจจริตยิ่งกว่าเดิม บ.ก และเคทที่หัวเราะกันจนตัวงอน้ำหูน้ำตาไหล เรียกว่าหัวเราะแบบเสียสติ
"อีปีเตอร์พอแล้ว กูปวดฉี่ ทำให้กูหัวเราะอยู่นั้นแหละ" เคทที่ขอร้องปีเตอร์แต่ก็ยังขำอยู่จนน้ำตาไหล
"เอะ! ก็บอกว่าไม่ได้รูดไง อีเ_ย! อี_ตว์! ปีเตอร์ยังอินบทพลางเท้าสะเอวเป็นตุ๊ดแก่
"อีปีเตอร์หยุด หยุด พอแล้ว กูหัวเราะไม่ไหว เดี๋ยวกูฉี่แตก" เคทที่พูดเสร็จแล้วพุ่งตัว บ.ก ขอใช้คำว่าพุ่งเพราะชีพุ่งทะยานออกจากเคาเตอร์วิ่งไปที่ประตูหน้าร้านอย่างรวดเร็ว ปีเตอร์หยุดเพราะตกใจกับท่าทางของเคทที่ บ.ก ก็เช่นกัน ตกใจว่าเคทที่เป็นอะไรหรือเปล่า
ช่วงวินาทีที่เคทที่วิ่งไปที่ประตูนั้นรวดเร็วมาก บ.ก มองแทบไม่ทัน แต่และแล้วชีก็หยุดกึกอยู่ที่ประตูร้านแล้ววิ่งย้อนกลับมาที่เคาเตอร์ วินาทีนั้นเอง โมเม้นท์นั้นเองที่ บ.ก จะจำไม่มีวันลืมชั่วชีวิต เคทที่ฉี่แตก ไม่ใช่ว่าฉี่แตกมาก่อนแล้ว มันพึ่งจะแตกนะวินาทีนั้นที่ บ.ก มองไปที่กางเกงยูนิฟอรม์ของเคทที่ สายน้ำจากนาผืนน้อยไหลทะลุกางเกงผ้าขนแกะยาวเป็นสายลงมาตามขาของชี และนองอยู่ที่พื้นร้าน บ.ก และปีเตอร์ผงะ พูดไม่ถูก ตกตะลึง วินาทีนั้น บ.ก รวบรวมสติ หยิบป้ายปิดร้านวิ่งไปติดที่หน้าประตู กลัวลูกค้าเข้ามาเห็นพนักงานฉี่แตกในร้าน คงอุจาดเกินจะนึกภาพ ส่วนปีเตอร์ยังคงยืนเท้าสะเอวช๊อกอยู่ต่อไป ในชีวิตนี้คงไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เห็นชะนีฉี่แตก เคทที่วิ่งเข้าไปในห้องล็อกเกอร์ แต่สายน้ำก็ไหลหยดเป็นทางตามหลังชีไป ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงจะอายม้วน ไม่ก็ลากลับบ้านแล้วไปผูกคอตาย แต่เคทที่เปลี่ยนกางเกงแล้วออกมายืนหน้าร้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เอากับชีซิ บ.ก พยายามช่วยเช็ดฉี่แต่ทำใจไม่ได้
"อีปีเตอร์กูบอกให้มึงหยุดมึงก็ไม่หยุด กูขำจนฉี่แตกเลยเป็นไงละ" พูดแบบไม่มียาง(อาย)

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนที่ชอบพูดว่ามีเพื่อนกระเทยแล้วมันชอบทำตัวสัปดน แสดงว่าคุณไม่เคยมีเพื่อนชะนีเคทที่แบบ บ.ก ชิมิ

เรื่องนี้เคทที่อนุญาต ชีบอกเขียนได้ทุกเรื่องเกี่ยวกับชี เพราะชีอยากดัง

No comments:

Post a Comment