12 January 2014

ชีวิตเด็กแบรนด์เนม ตอน ความฝันของ บ.ก

พูดถึงเรื่องการสมัครงานว่าหินแล้ว ตอนมาเริ่มทำงานก็หินไม่แพ้กัน ทุกอย่างที่ บ.ก เคยนอนฝันวาดไว้ซะสวยหรูแตกต่างจากสถาณการณ์จริงอย่างสิ้นเชิง ด้วยการที่ บ.ก เป็นคนที่มโน(แจ่ม)เก่ง จึงจินตนาการถึงการทำงานอันแสนสุดสวยหรู ดูไฮโซแบรนด์เนม ตอนแรกๆที่ บ.ก มาทำงาน บ.ก ปรับตัวไม่ได้เพราะหนึ่ง สมัยนั้นไม่มีคนมาสอนงาน ทุกคนต่างคนต่างอยู่ ต่างขาย และผู้จัดการของ บ.ก เองตอนนั้นก็ไม่มีประสบการณ์เช่นกัน หาที่พึ่งจากใครไม่ได้เลย บ.ก หวุดหวิดเกือบโดนให้ออกจากงานเพราะยอดขายที่ย่ำแย่ ขอให้ทุกคนดูเป็นตัวอย่าง เห็น บ.ก เริด เชิด หยิ่ง เช่นทุกวันนี้
สมัยก่อนก็เกือบเอาตัวไม่รอดเหมือนกัน โดนเรียกไปคุยให้ปรับปรุงตัวอยู่หลายครั้งคราว จนมาถึงสถาณการ์ที่ บ.ก ต้องตัดสินใจทำอะไรซักอย่าง การทำงานในแบรนด์แฟชั่นยักษ์ใหญ่ ให้ความสุขทางใจกับ บ.ก อย่างหนึ่ง เพราะมันใกล้เคียงที่สุดกับการสัมผัสแฟชั่นที่ บ.ก ฝันหามาตลอดชีวิต บ.ก อยากเป็นแฟชั่นดีไซน์เนอร์ บ.ก สามารถวาดรูปและออกแบบเสื้อผ้าได้อย่างดีเยี่ยม การที่ บ.ก ได้มาทำงานที่นี่เป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่สุดแสนวิเศษ การได้เห็นทุกขั้นตอนตั้งแต่แรงบันดาลใจของดีไซน์เนอร์ ตัวอย่างของผลงานก่อนจะผ่านกระบวนการตัดเย็บ แฟชั่นโชว์ การถ่ายแบบ การคัดเลือกสินค้า จนกระทั้งส่งเดินทางข้ามโลกมาอยู่ในร้านและผ่านการขายจากพนักงานอย่าง บ.ก สู่ลูกค้าที่นิยมชมชอบสินค้าของแบรนด์ คุณต้องจ่ายเงินเป็นล้านกว่าจะสามารถเรียนทุกขั้นตอนนี้ในมหาวิทยาลัยที่ลอนดอน แต่ บ.ก สามารถเรียนรู้ทุกขั้นตอนนี้ได้ที่ราชประสงค์แถมเขายังให้เงิน บ.ก อีกด้วย เกร๋ซะไม่มี การทำงานของ บ.ก ทุกวัน มันคือการเรียนรู้ และการพัฒนาตัวเองเพื่อค้นหาศักยภาพที่เรายังไม่ได้กดปุ่มเริ่มต้นใช้งานมัน เรื่องนี่อาจจะไม่ตลก เหมือนเรื่องอื่นๆ เพราะเน้นที่อยากจะแบ่งปันประสบการณ์และการพัฒนาตนเองในสายอาชีพนี้
ขายไม่ดี ทำยังไง ใครก็ได้ช่วยด้วย!
อันดับแรก หยุดแหกปาก ขอร้องให้ใครมาช่วยเหลือคุณ เราต้องช่วยตัวเราเอง จำเอาไว้!
บริษัทส่วนใหญ่จะมีการฝึกฝนพนักงานก่อนการเริ่มงานจริง ซึ่งมันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด หากมีการแทรนด์งานใดๆก็แล้วแต่ขอให้คุณมีส่วนร่วม เพราะมันจะสร้างเสริมอาชีพและทักษะในการทำงานของคุณให้แกร่งกล้าขึ้น เป็นการสะสมพลังออร่า เมื่ออยู่หน้าร้าน รับลูกค้าจริงๆ เอาวิทยายุธทั้งหมดที่ฝึกปรือออกมาใช้เป็นกระบวนท่าวิทยายุธประทับใจลูกค้า เพื่อทำให้ลูกค้าซื้อของกับเรา บ.ก ยังจำวันแรกที่บอกตัวเอง "สู้โว้ย" ในการเริ่มต้นปรับปรุงตัวครั้งใหญ่ คิดว่าถ้าไม่ทำสงสัยต้องกลับบ้านไปเสิรฟ์อาหารตามสั่งแบบเดิม หรือจะทำงานอยู่ที่นี่ต่อไปดี? บ.ก เลือกที่จะสู้และพิสูจน์ตัวเองและด้วยแรงสนับสนุนจากหวานใจและคนในครอบครัว ออร่า และปีเตอร์ เป็นพนักงานขายที่เก่ง บ.ก นึกสงสัยว่าสองคนนี้ทำได้ยังไง และแล้ว บ.ก ก็เริ่มต้นสปายทั้งสองคนนี้

ออร่า - เป็นคนฉอเลาะ(เฉพาะ)กับลูกค้า ยิ้มแย้มแจ่มใสติดเทอร์โบเอาอกเอาใจ
บ.ก - ยิ้ม นิ่ง เงียบ เดินตามลูกค้า กู๊ดบาย 555 เป็นแบบนี้เกือบจะทั้งวัน ในขณะที่ออร่า ขายเอาๆ
วิธีการแก้กระบวน - แต่งหน้า ทาลิปมัน (ห้ามขำเอาจริง) เซ็ตผม หน้าห้ามมัน ปากหอมสดชื่นตลอดทั้งวัน ชุดทำงานสะอาดเอี่อม ฉีดน้ำหอมขวดที่แพงที่สุดที่มี ที่ทำทั้งหมดนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง ไม่มีสิ่งใดมหัศจรรย์เท่ากับคนที่มีความมั่นใจในตัวเอง (ในทางที่ดี) แรงออร่าและพลังงานแห่งการดึงดูดให้คนเข้าหากำลังจะเริ่มทำงาน แล้วพยายามอยู่บนเซลฟลอร์ให้นานและบ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในช่วงสัปดาห์แรกอาจจะยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ในสัปดาห์ที่สองผลลัพธ์จึงจะเริ่มปรากฏเพราะเราเริ่มรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้น กล้าเข้าหาลูกค้า กล้าที่จะคุย เพราะเราสวย

ปีเตอร์ - เป็นคนที่ดูน่าเชื่อถึอ (ถึงแม้จะดูลวงโลก) ช่างแนะนำ และพยายามให้ลูกค้าลอง
บ.ก - ดูเป็นเด็ก ไม่ค่อยเชียร์ รอแต่จะให้ลูกค้าขอลองเอง
วิธีการแก้กระบวน - ปรับสมองของตัวเองใหม่ ลูกค้าคือคนพิเศษ คนสำคัญ ปรับวิธีการพูดการออกเสียงใหม่ให้เป็นคนที่พูดชัดถ้อยชัดคำ ชัดเจน และระหว่างที่คุยกับลูกค้า พยายามสบตาเป็นระยะๆ เสร็จแล้วค่อยแนะนำให้ลูกค้าลองดูก่อน ชอบไม่ชอบไม่ว่ากัน ตอนแรกๆอาจจะเขิน มองตาคนอื่น เรามองด้วยท่าทีนอบน้อม ถ่อมตนแต่มั่นใจในตัวเอง เพื่อนเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ถ้าลูกค้าพูดแซวว่าหลอกให้เขาซื้อหรือป่าวขอให้ตอบกลับไปด้วยความมั่นใจว่า เราหาแต่สิ่งที่ดีที่สุดให้คุณเท่านั้น! มันคือหน้าที่ของเรา! พยายามลองดูแรกๆอาจขัดเขิน แต่ผ่านไปซักระยะจากที่ลูกค้าเป็นคนควบคุมเรา เราจะกลายเป็นคนที่คอยช่วยชี้นำและเสนอแนะให้ลูกค้าแทน และเราจะสนิทกับลูกค้าขึ้นทีละนิดๆ

ที่เขียนมาทั้งหมดนี้เป็นประสบการ์ส่วนตัวที่ทำแล้วได้ผลลัพภ์เป็นที่น่าพอใจเห็นการพัฒนาในตัวเองและยอดขาย แต่อยากขอให้เป็นคนที่รอบคอบ ดับเบิ้ลเช็คทุกอย่างที่เราทำ เพื่อไม่ให้เกิดการผิดพลาด ลองทดลองทำดูทีละขั้นตอนและอาศัยการฝึกฝนที่ต่อเนื่อง แต่เหนือสิ่งอื่นใดขอให้ปรับทัศนะคติของตัวเองในการทำงาน ถ้าทำมาทั้งหมดนี้แล้วไม่สำเร็จ ขอให้ปรับสีสิปสติกให้เข้มขึ้น โอเค้?

บ.ก เอกกี้

No comments:

Post a Comment